ในวันนี้สิ่งที่ผมรับรู้มาเกี่ยวกับ Gen Y อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วก็ได้นะครับ เนื่องจากผมได้พบ กับบทความชิ้นหนึ่ง ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Gen Y ซึ่งค้านกับหลายๆ ข้อที่เรากำลัง เข้าใจ ลองมาดูกันนะครับว่ามีอะไรบ้าง ผู้ที่เขียนบทความชิ้นนี้ชื่อ Jennifer J. Deal ซึ่งได้บอกว่าความ เชื่อเกี่ยวกับ Gen Y หลายๆ ข้อนั้นเราเข้าใจกันมาอย่างผิดๆ มาตลอด

• ความเชื่อที่ 1 Gen Y เป็นคนที่ไม่ต้องการให้ใครมาสั่ง เพราะเป็นคนที่รักอิสระ ดังนั้นคนที่เป็นหัว หน้าของเขาจึงรู้สึกอึดอัด และไม่ชอบที่ต้องมีลูกน้องแบบนี้
• ความจริง ผลจาก การวิจัยจากกลุ่ม Generation ต่างๆ ที่ออกมานั้นปรากฏว่ากลายเป็นตรงกัน ข้ามกับสิ่งที่เราเชื่อ เนื่องจากคนรุ่น Gen Y นั้นเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูจากพ่อแม่ในลักษณะที่ถูก บอกให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมมาตลอด ก็เลยมีความเชื่อว่า การที่ผู้ใหญ่บอกเรานั้น เป็นทาง ลัดไปสู่ความสำเร็จที่รวดเร็วกว่าการที่จะต้องมาลองผิดลองถูกเอง ดังนั้น Gen Y จึงเป็นคนที่ เชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างมาก ผิดกับกลุ่ม Baby Boomer และ Gen X ซึ่งผลการวิจัยออกมาชัดเจน มากว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังนายสักเท่าไหร่ เวลานายสั่งอะไรมักจะมีข้อสงสัยตลอด และไม่ค่อยยอมจะทำตามกันสักเท่าไหร่  เพียงแต่ Gen Y นั้นต้องการให้บอกและสั่งอย่าง ชัดเจนมากกว่า เช่น ให้ทำอะไร ส่งเมื่อไหร่ อย่างไร ต้องลงรายละเอียดมากหน่อย ซึ่งเหล่า บรรดาผู้จัดการก็ไม่ค่อยชอบลงรายละเอียดกันสักเท่าไหร่ ก็เลยไปด้วยกันไม่ค่อยจะได้

• ความเชื่อที่  2 Gen Y เป็นพนักงานที่ไม่มีความจงรักภักดีกับองค์กร  ทำงานได้ไม่ค่อย นาน ก็เปลี่ยนงาน อีกทั้งยังเปลี่ยนงานบ่อยมากอีกด้วย เมื่อไหร่ที่หางานที่มีเงินเดือนสูงขึ้น ก็จะ เปลี่ยนงานทันที
• ความจริง ผลการ วิจัยออกมาว่า ไม่ว่าจะเป็น Baby Boomer หรือ Gen X ต่างก็มีพฤติกรรม แบบนี้เหมือนกัน งานวิจัยพิสูจน์สมมุติฐานออกมาแล้วว่า สาเหตุนี้มีที่มาจากอายุมากกว่า คนที่ อยู่ในอายุช่วง 20 – 30 ซึ่งเป็นวัยที่กำลังสร้างตัว กำลังต้องการหาความมั่นคง ซึ่งก็ต้องมีการเปลี่ยนงานไปตามเงินเดือนที่ต้องการ ซึ่งผลการวิจัยออกมาแล้วว่า ไม่ว่าจะ Generation ใดก็ตาม เมื่อมีอายุในช่วง 20 – 30 ต่างก็ต้องการหาความมั่นคงในหน้าที่การงาน และในเงินเดือน ซึ่งเมื่อ Gen Y มีอายุมากขึ้นก็จะเปลี่ยนงานน้อยลง และอยู่ทำงานกับองค์กร นานขึ้น เหมือนกับ Generation อื่นๆ เช่นกัน

• ความเชื่อที่ 3  Gen Y ไม่มีความสนใจในงานที่ทำ มักจะไม่มี Commitment ในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย และไม่ค่อยใส่ใจในการทำงาน
• ความจริง สิ่ง ที่ผู้วิจัยได้ทำออกมา พิสูจน์ว่า Gen Y เป็นกลุ่มพนักงานที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงาน ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มต้นทำงาน ซึ่งในช่วงเริ่มต้นการทำงานก็ต้องเริ่มจากตำแหน่งงานพนักงาน หรือ เจ้าหน้าที่ก่อน ซึ่งตำแหน่งงานเหล่านี้ ปกติแล้วจะไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นอยู่แล้ว มีวิธีการทำ งานที่แน่นอน คงที่ ไม่มีอะไรหวือหวาให้ต้องคิด หรือต้องตัดสินใจ ก็เลยทำให้เกิดความเบื่อใน ลักษณะงานที่ทำ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ก็เกิดขึ้นเหมือนกันกับกลุ่ม Gen X และ Baby Boomer ในสมัยที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตการทำงาน และเริ่มต้นทำงานด้วยตำแหน่งที่ยังมีความรับผิดชอบ ไม่สูงนัก งานวิจัยนี้พิสูจน์ว่า ทุก Generation ในวัยเดียวกันต่างก็ไม่ค่อยใส่ใจในงานที่ทำ เหมือนกัน

• ความเชื่อที่ 4 Gen Y ต้องการสวัสดิการดีๆ และค่าจ้างสูงๆ คน กลุ่มนี้ต้องการเพียงแค่ เงินเดือนสูงๆ และสวัสดิการที่ตอบสนองความต้องการของตนเองได้ ซึ่งถ้าจะต้องจูงใจด้วยสิ่ง เหล่านี้หลายองค์กรก็คิดว่า องค์กรคงต้องล้มละลายก่อนที่จะจูงใจ Gen Y ได้
• ความจริง งาน วิจัยที่ออกมานั้นพิสูจน์อีกเช่นกันว่า ไม่ว่าจะเป็น Generation ไหนก็ตาม ต่างก็ ต้องการสวัสดิการดีๆ และเงินเดือนสูงๆ ทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนทุกกลุ่ม ทุก Gen อยู่แล้ว เพียงแต่ในปัจจุบันความต้องการของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปเยอะ เทคโนโลยีต่างๆ เปลี่ยน แปลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน ก็เลยทำให้ดู เหมือนกับว่า Gen Y นั้นมีความต้องการมากกว่า Gen อื่นๆ ซึ่งผลการวิจัยออกมาแล้วว่าไม่จริง ในปัจจุบัน Gen อื่นที่ทำงานในองค์กรอยู่ ต่างก็ต้องการสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างกับ Gen Y

• ความเชื่อที่ 5 Gen Y ต้องการเรื่องของ Work-Life Balance เขาต้องการใช้เวลานอกที่ ทำงานมากกว่าในบริษัท ในขณะที่ Baby Boomer และ Gen X นั้นเป็นพวกบ้างาน และชอบที่จะ นั่งทำงานไปเรื่อยๆ
• ความจริง ทุก Generation ต่างก็ต้องการ ความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ทั้นสิ้น ไม่ใช่เฉพาะ Gen Y เท่านั้น แต่สิ่งที่ีทำให้ดูเหมือนกับว่า Gen Y ต้องการสิ่งเหล่านี้ก็ เนื่องจากในยุคปัจจุบันเรามักจะพูดถึงเรื่อง Work-Life Balanced กันบ่อยๆ มากกว่าสมัยก่อน ก็เลยส่งผลทำให้คนเรามองไปว่า Gen Y ต้องการสิ่งเหล่านี้มากกว่าคนอื่น ซึ่งจากการวิจัยออก มาแล้วพบว่า ในแต่ละ Generation ไม่ว่าจะเป็น Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ต่างก็ ต้องการเรื่องของการความสมดุลของชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงานทั้งสิ้น

        นี่คือผลการวิจัยที่ทำออกมาเพื่อที่จะพิสูจน์ว่า Gen Y นั้นไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดไปซะทุกอย่าง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น Gen ไหนก็ตาม วิธีการที่จะจูงใจให้เขาอยากทำงานให้กับองค์กร ก็ด้วยวิธีการ ทำให้เขารู้สึกว่า องค์กรมีความเป็นธรรมในการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ มีพัฒนาวิธีการทำงาน เพื่อให้งานที่ทำมีความน่าสนใจ เปิดโอกาสให้มีการเติบโตในองค์กรในระดับที่สูงขึ้น และมีการพัฒนา พนักงานให้มีทักษะและความสามารถที่สูงขึ้นอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เราจะสามารถดึงดูดและรักษาพนักงาน ไม่ว่าจะ Generation ไหนก็ตาม เพราะทุก Gen ต่างก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ทั้งสิ้น และ ต่างก็มีความต้องการที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่