11 คุณสมบัติที่อยากให้ผู้นำมีเป็นอันดับแรก
โพสต์เมื่อ 31 พฤษภาคม 2567
11 คุณสมบัติที่อยากให้ผู้นำมีเป็นอันดับแรก Leader’s Way
Leader’s Way 1. ผู้นำต้องสร้างวิสัยทัศน์
สร้างวิสัยทัศน์เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ให้ความร่วมมือ
ก่อนที่เราจะขอความร่วมมือจากคนอื่น สิ่งแรกที่เราต้องมีก่อนคือ "สิ่งที่เราอยากจะทำ" หรือ "วิสัยทัศน์" นั่นเอง และสิ่งที่เราอยากจะทำก็เป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นช่วย ฉะนั้นสิ่งนั้นต้องมี "ความดึงดูดใจ" หรือ "น่าสนใจ" ในสายตาคนที่เราจะขอช่วยพอสมควร
วิสัยทัศน์ หรือสิ่งที่เราอยากทำให้สำเร็จ ต้องเกิดจาก "ความอยากทำจากใจ" ไม่ใช่ความอยากที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เพราะหากใจของผู้นำไม่มีความอยากจะทำสิ่งนั้น หรือทำแค่สักว่าทำตามหน้าที่ หรือตามนโยบาย ก็คงจะไม่สามารถส่งต่อความอยากนี้ให้กลายเป็นพลังเพียงพอที่จะให้ลูกน้องหรือคนอื่นอาสามาช่วยทำตามได้
วิธีสร้างวิสัยทัศน์ 3 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 รวบรวมวัตถุดิบในการสร้างวิสัยทัศน์
ขั้นตอนที่ 2 สร้างวิสัยทัศน์จากการคุย
ขั้นตอนที่ 3 ถ่ายทอดวิสัยทัศน์เป็นตัวอักษรหรือภาพ
Leader’s Way 2. ผู้นำต้องตัดสินใจ
ผู้นำจะต้อง "กล้าตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ในเวลาที่สำคัญได้" ผู้นำต้องตระหนักว่า "ทุกการตัดสินจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบของผู้นำเสมอ"
ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเรื่องเล็ก หรือ เรื่องใหญ่ทีมงานก็คาดหวังให้ผู้นำตัดสินใจ
การฝึกฝนทักษะการตัดสินใจจำแนกคร่าวๆ ได้เป็น 3 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 หาข้อดี - ข้อเสียของการตัดสินใจ
ขั้นตอนที่ 2 ฝึกตัดสินใจทันที
ขั้นตอนที่ 3 จำลองเหตุการณ์เพื่อการตัดสินใจครั้งสำคัญ
Leader’s Way 3. ผู้นำต้องมีพลังเหลือเฟือ
ในการทำงานแน่นอนที่ทุกคนจะมีความเหนื่อยล้ากันบางช่วงบางเวลา
และเชื่อว่าทุกคน ย่อมอยากทำงานกับผู้นำที่อยู่ด้วยแล้วมีไฟ มีพลังงานที่เหลือเฟือ คอยกระตุ้นเติมพลังให้ทีมงานตลอดเวลา
แจ็ก เวลซ์ อดีตซีอีโอของบริษัท เจเนอรัล อิเลคทริก (GE)ได้กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง "การบริหารแบบแจ็ก เวลซ์"
(เล่ม 1สำนักพิมพ์นิคเคอิ บิสซิเนส) ที่เขาเขียนว่าผู้นำต้องมี "4E"
Energy : มีพลังเหลือเฟือ
Energize : เพิ่มพลังให้คนรอบข้างเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
Edge : ตัดสินใจเรื่องยากๆ ได้
Execute : ทำสิ่งที่พูดไว้จนสำเร็จ
วิธีการเพิ่มพลังใจ คือ ทำสิ่งที่ยังค้างคาให้เสร็จสมบูรณ์ และทำสิ่งที่ทำแล้วจะเพิ่มพลังกาย เช่น ออกกำลังกายอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร หรือไม่กินอาหารหลังสี่ทุ่ม ฯลฯ อีกวิธีหนึ่งคือ ผู้นำต้องคิดว่าตัวเองและคนรอบข้างล้วนเป็นตัวเอก
Leader’s Way 4. ผู้นำต้องทำจนสำเร็จ
ถึงแม้ผู้นำจะมีพลังเหลือเฟือ สร้างขวัญและกำลังใจให้คนรอบข้าง และตัดสินใจเรื่องยากๆ ได้สักแค่ไหน แต่ถ้าทำจนสำเร็จไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์
เมื่อเริ่มทำงานแต่ละอย่าง งาน 10% สุดท้ายจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของงานในภาพรวม
เดือนสุดท้ายเรามักจะเหนื่อยและคิดอยากจะทำให้เสร็จเร็วๆ จะได้สบายตัว กลายเป็นว่า งาน 10% หลังนี้จะส่งผลถึงคุณภาพให้งานอีก 90% กลายเป็นว่างานชิ้นนี้กลายเป็นงานลวกๆ ไปซะงั้น
การจะทำงานให้สำเร็จ ให้ลองจิตนาการ "ให้ไกลกว่าเป้าหมาย" ไม่ใช่แค่ "ถึงเป้าหมาย" ผู้นำต้องหามาตรการป้องการอาการแผ่วปลายไว้ด้วย
Leader’s Way 5. ผู้นำต้องรวดเร็ว
ถ้าผู้นำ "รวดเร็ว" องค์กรก็จะดำเนินการได้รวดเร็วด้วย ถ้าผู้นำเฉื่อย องค์กรก็จะเฉื่อยตาม
ในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันดุเดือด
สิ่งที่กำหนดชะตากรรมขององค์กรคือความรวดเร็วของผู้นำ
ความรวดเร็วของทีมแปรผันตรงกับความรวดเร็วของผู้นำ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้นำทำงานเชื่องช้า แต่ทีมกลับทำงานรวดเร็ว
วิธีการรวดเร็ว ก็คือ กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานก่อนเดดไลน์เดิม เช่น งานที่ใช้เวลาทำเสร็จภายใน 1 เดือน ก็ทำให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากผู้นำต้องมีจิตสำนึกต่อระยะเวลาในการทำงานแล้ว ต้องร้องขอให้คนรอบข้างสำนึกต่อระยะเวลาด้วย
Leader’s Way 6. ผู้นำต้องยุติบางสิ่งได้
ผู้นำต้องกล้า "ยุติ" บางสิ่งเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
การยุติสิ่งที่เริ่มต้นไปแล้วต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมาก
เช่น วางมือจากธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น
ซีอีโอของบริษัทแห่งหนึ่งต้องการวางมือจากธุรกิจที่ทำกำไรมาโดยตลอด แล้วไปสร้างธุรกิจใหม่ แทนที่เขาจะขายกิจการให้คนอื่นรับช่วงแทน เขาติดตั้งระเบิดไดนาไมต์แล้วจุดชนวนระเบิดโรงงานทิ้ง เท่านั้นยังไม่พอ เขายังถ่ายทอดสดการระเบิดครั้งนี้ไปยังสำนักงานย่อยทุกสาขาเพื่อให้พนักงานทุกคนได้ดู
เขาทำอย่างนี้ทำไม?
คำตอบคือ เขาต้องการลบล้างความรู้สึกเก่าๆ ของพนักงานออกไป ก่อนที่จะไปเริ่มธุรกิจใหม่
ผู้นำต้องฝึกยุติบางสิ่งที่สิ่ง เช่น ยุติการประชุมบางประชุม เลิกทำโอที เลิกนำงานกลับไปทำที่บ้าน ยุติการไปทานอาหารกับลูกค้าทุกวันพุธ เป็นต้น
Leader’s Way 7. ผู้นำต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
ผู้นำที่เป็นผู้ฟังที่ดี จะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิตได้รวดเร็ว เนื่องจากเมื่อรับฟังคนรอบข้าง คำแนะนำเหล่านั้นจะทำให้ผู้นำกลับตัวได้เร็ว นอกจากนี้
การฟังที่ดีจะนำไปสู่การนำเสนอไอเดียดีๆอีกด้วย เพราะผู้นำที่ดีจะต้องไม่นั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ ต้องเดินออกไปดู ไปทักทายพนักงาน รับฟังไอเดียใหม่ๆ จากพนักงาน แล้วนำมาคิดวิเคราะห์ลงมือทำ ผู้นำที่เป็นผู้ฟังที่ดีจะเพิ่มพลังใจให้พนักงานได้ เพราะถ้าใครรับฟังเรื่องของเรา เราจะรู้สึกว่าเรามีคุณค่าเพิ่มขึ้น ถึงขนาดผู้นำยังตั้งใจฟังเราพูดเลย
แต่ก็มีผู้นำอีกประเภทที่ไม่เป็นผู้ฟังที่ดี เพียงเพราะ คิดว่าถ้าฟังคนอื่นแล้วจะทำให้ตัวเองสูญเสียอำนาจ คิดว่าไม่มีใครเก่งกว่าตัวเองเลยไม่ต้องฟังใคร และคิดว่าการฟังใครสักคนเป็นการเสียเวลา
ผู้ฟังที่ดีไม่จำเป็นต้องรับฟังทุกเรื่องหรือทุกเวลา ควรเตรียมทางเลือก "ไม่รับฟัง" ไว้ด้วย เช่น ถ้าลูกน้องรายงานไปเรื่อยเปื่อย ผู้นำควรตำหนิให้พูดกระชับขึ้น
การเป็นผู้ฟังที่ดีต้องปฏิบัติตาม 3 วิธีต่อไปนี้
1. จดบันทึกเวลารับฟัง
2. เวลาตัวเองพูด ต้องถามความรู้สึกและความคิดเห็นของผู้ฟัง
3. ตรวจเช็กกับบุคคลที่สามอยู่เสมอไม่จำเป็นต้องรับฟังตลอดเวลา ถ้าลูกน้องพูดไป
เรื่อยเปื่อย ควรตำหนิให้พูดจากระชับ และรู้จักเลือกที่จะ "ฟัง" หรือ "ไม่ฟัง"
Leader’s Way 8. ผู้นำต้องกล้าพูดต่อหน้าผู้คน
"การพูดต่อหน้าผู้คน" เป็นเรื่องที่ผู้นำเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมีลูกน้องเยอะเท่าไร ยิ่งต้องพูดต่อหน้าลูกน้องให้พร้อมหน้ากันเพื่อจะได้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน จะคิดว่า "พูดบ่อยแล้วลูกน้องคงจะเข้าใจเอง" ไม่ได้ แต่ผู้นำที่ทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่มีน้อยมาก
ผู้นำต้องกล้าพูดต่อหน้าผู้คนเพื่อซี้แนะแนวทางการทำงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน
การพูดต่อหน้าผู้คนต้องอาศัยการฝึกฝน โดยใช้ 5 ขั้นตอนต่อไปนี้
1. กำหนดต้นแบบ
2. ถ่ายวิดีโอ
3. รวบประเด็นที่ต้องแก้ไข
4. ถามความคิดเห็นคนรอบข้าง
5. สนุกกับเรื่องที่ตัวเองพูด
.
Leader’s Way 9. ผู้นำต้องโน้มน้าวใจ
สิงที่ผู้นำขาดไม่ได้เลยคือทักษะการโน้มน้าวใจที่ดี
เพื่อการโน้มน้าวใจทีมงาน และการใช้ความพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และการ
กระทำของบุคคลอื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจบุคคลนั้นจนเกิดการยอมรับ และยอม
เปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ
ผู้นำควรฝึกโน้มน้าวใจไปเรื่อยๆ จนเกิดความเคยชิน ก่อนจะโน้มน้าวใจใคร อย่าพูดห้วนๆ แต่จงเล่าความคิดโดยละเอียด หรือบอกข้อดีของการทำสิ่งนั้นให้คนที่เราจะโน้มน้าวฟัง เช่น โปรเจคต์นี้จะช่วยให้คุณมีพัฒนาการใหม่ๆ อย่างแน่นอน หรือ คุณไปทานอาหารกลางวันที่ร้าน...กันไหม ร้านนี้ทำเมนูจากปลาที่ตกได้ในวันนั้นเลย น่าสนใจมั๊ย?
Leader’s Way 10. ผู้นำต้องไม่หนี
ผู้นำต้องไม่หนีและต้องกล้าเผชิญหน้ากับ "ความกลัวที่เกิดขึ้นในใจมากกว่าปัจจัยจากภายนอก
ผู้นำต้องเตรียมคำพูดพิเศษไว้เพื่อลบคำแก้ตัวที่เกิดขึ้นในใจ
เวลาคิดจะหนี กระบวนการสร้าง "ความใจสู้" คือ ประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่า "จะทำอะไรให้เสร็จเมื่อไร" ปิดตายช่องทางหนีและสะสมความสำเร็จ
ตัวอย่างเช่น เราขี้เกียจไปคุยกับลูกน้องเรื่องนั้นชะมัด ถ้าเราพูดไปแล้วเขาอาจจะตอบโต้หรือบ่นเราอีกเป็นได้ เสียงแบบนี้จะดังอยู่ในหัวผู้นำตลอด ในกรณีนี้ผู้นำควรแก้ปัญหาด้วยคำว่า "จงออกไปเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด ในเวลาที่ไม่พร้อมที่สุด"
Leader’s Way 11. ผู้นำต้องมองตัวเองเป็นกลาง
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จที่สุด ต้องมีความรู้สึกเชิงบวกและมองตัวเองอย่างเป็นกลางสูง ส่วนคนที่ล้มเหลว คือ คนที่มองตัวเองอย่างเป็นกลางไม่ได้และมีความรู้สึกเชิงบวกต่ำ
วิธีเพิ่มทักษะการมองตัวเองอย่างเป็นกลาง
ผู้นำจะมองตัวเองจากมุมมองของคนอื่นได้อย่างไร และอะไรเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการมองตัวเองอย่างเป็นกลาง คำตอบอยู่ที่ 3 วิธี ต่อไปนี้
1 รับฟังความคิดเห็น
2 ลองมองตัวเองในมุมมองของคนอื่น
3 ลองเขียนข้อความแนะนำตัวเองให้คนอื่นอ่าน
เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าทั้ง 11 ข้อนี้จะเป็นประโยชนกับผู้นำทุกท่าน ได้ทบทวนและฝึกทักษะความเป็นผู้นำเพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความยั่งยืนขององค์กรต่อไปค่ะ
—-----------------------------------------------------
ที่มา: หนังสือ "ผู้นำก็ต้องมีโค้ช" (25 Things the Leader Must Know)
เขียนโดย ซูซูกิ โยชิยุกิ แปลโดย ทินภาส พาหะนิชย์
—----------------------------------------------------------------------------------